ถึงแม้ใคร ๆ จะเห็นว่าฉันเป็นคนชอบออกเดินทางแต่ Dream destination ของฉันมีไม่มากหรอก หนึ่งในนั้นก็คือ "ประเทศคาซัคสถาน (Kazahstan)" ไม่กี่ปีมานี้ฉันพยายามลองหนทางไปเที่ยวคาซัคสถานดู แต่ดูแล้วเหมือนว่าถ้าไปเที่ยวคนเดียวค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าไปหลายคน เลยพับโครงการไปชั่วคราว พอได้ข่าวว่าจะมีหนังของประเทศคาซัคสถานมาฉายที่เมืองไทย ฉันจึงไม่รอช้า ขอจับจองไปดูหนังคาซักสถานเพื่อสัมผัสกลิ่นอายแห่ง Dream destination ของฉันสักครา แถมกิจกรรมนี้ดูฟรีค่ะ!

ภาพยนตร์คาซัคสถานที่จัดฉายในครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมของ RIVER CITY BANGKOK *** CLUB ซึ่งจัดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมานี้เอง เรื่องที่จัดฉายคือ "MYN BALA: WARRIORS OF THE STEPPE (‘Zhauzhurek myng bala’)" โดยผู้กำกับหนังแอคชั่น Akan Satayev เรื่องนี้ใช้ภาษาที่ฉันไม่รู้จักในการดำเนินเรื่อง (น่าจะเป็นภาษาคาซัค และภาษาอื่น ๆ นะ เห็นในเรื่องมีหลายเผ่า ไม่แน่ใจว่าเค้าพูดอะไรกันบ้าง) แต่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษให้ค่ะ

บรรยากาศก่อนเข้าดูหนัง
ก่อนเข้าชมถ้ากดไลค์เพจ หรือเพิ่มเพื่อนกับ River City Bangkok จะแลกป๊อบคอร์นได้ฟรีค่ะ

ภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่กำลังจะฉายที่นี่


MYN BALA
- เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเอเชียกลาง
- สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงการที่คาซัคสถานเป็นอิสรภาพจากโซเวียตครบ 20 ปี
- เป็นภาพยนตร์ผลิตในคาซัคสถานที่ใช้เงินสร้างสูงที่สุด (7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อออกฉาย
- ได้รับการเข้าชิงรางวัลออสการ์เมื่อปี ค.ศ. 2014
- เค้าว่ากันว่าหนังเรื่องนี้เป็นลูกผสมของหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง Braveheart และเรื่อง 300 เชียวนะ

ก่อนฉายภาพยนตร์จะมีคนขึ้นมากล่าวนำก่อน

หนึ่งในนั้นก็คือ ท่านเอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย H.E. Ms. Raushan Yesbulatova แถมมีเซอร์ไพร์สคือ คุณแอน ทองประสมก็มาร่วมชมภาพยนตร์ในครั้งนี้ด้วย

ตัวอย่างหนังตามลิงก์นี้เลยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=V7eZNjzgzEo
Myn Bala (แปลว่า นักรบ 1,000 คน) เป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Sartai นักรบชาวคาซัคในตำนานแห่งศตวรรษที่ 18 ผู้ซึ่งต่อสู้กับชาวเผ่า Dzungars อันโหดเ *** ้ยมไร้ความปราณีที่ปกครองพื้นที่คาซัคสถานอยู่ในเวลานั้น พ่อแม่ของ Sartai ถูกฆ่าชาว Dzungars ฆ่าตายไปต่อหน้า เขาและเพื่อนสนิทอีกสองคนได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักรบ เมื่อเติบโตขึ้นมาได้ร่วมกันออกรบแบบกองโจรต่อสู้กับชาว Dzungars อยู่หลายครั้งจนสงครามครั้งสุดท้ายที่เรียกว่า Battle of Anyrakay ในปี ค.ศ. 1729 ซึ่งได้กลายเป็นวันสำคัญในการประกาศอิสรภาพของชาวคาซัค
ความรู้สึกหลังจากดู
สถานที่จัดฉายภาพยนตร์ในครั้งนี้จัดได้ดีพอสมควร มีข้อเสียที่ฉันประสบปัญหาโดยส่วนตัวคือ แอร์ค่อนข้างเย็น ที่นั่งไม่ได้เป็นระดับสูงต่ำชัดเจน ถ้าตัวเตี้ยเช่นฉันควรพยายามเลือกไปนั่งด้านหน้าไม่อย่างนั้นคนตัวสูงที่อยู่ด้านหน้าอาจจะบังเราได้ ซึ่งที่นั่งของเรามีสุภาพสตรีตัวสูงนั่งบังซับไตเติ้ลช่วงต้น กับท้ายไว้พอดี เลยทำให้แทบทั้งเรื่องต้องอาศัยการดูอวัจนภาษาของนักแสดงแทน อาศัยการฟังก็ไม่ได้นะเออ...เพราะเป็นภาษาที่ฉันไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็พอได้สาระสำคัญของเรื่องมาอยู่นะ อย่างน้อยก็จำได้แม่นเลยล่ะว่าตัวเอกของเรื่องชื่อ Sartai เรื่องที่ไม่ชอบอีกอย่างก็คือ รู้สึกว่ามีคนนั่งสั่นขาตลอดเวลาที่นั่งดู รบกวนสมาธิในการดูหนังมาก ซึ่งฉันสงสัยว่าเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างฉันนั่นเอง
ภาพความเป็นอยู่ และการต่อสู้ท่ามกลางทุ่งหญ้าสเตปป์อันกว้างใหญ่ แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวคาซัค และความโหดร้ายของสงครามในสมัยก่อนเป็นอย่างดี
ที่สำคัญรู้สึกว่าจะไม่มีใครเลยที่จะไม่ได้รับความสูญเสียจากสงคราม
ดูการแต่งกายของชาวคาซัคในเรื่องนี้ทำให้ฉันคิดย้อนอดีตกลับไปถึงตอนดูเรื่องเสราดารัลสมัยเด็ก ๆ เลย (โอ้ว! รู้อายุหมด)
สุดท้ายแล้วก็ถือว่าคุ้มค่ากับระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ
บรรยากาศงานเลี้ยงหลังดูหนัง
การฉายภาพยนตร์ในครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตคาซัคสถาน (Embassy of the Republic of Kazakhstan) ซึ่งหลังงานมีเซอร์ไพร์สงานเลี้ยงเล็ก ๆ เสิร์ฟอาหารว่างและเครื่องดื่มด้วยค่ะ...ว้าว! ตั้งใจมาดูหนังคาซัคสถาน แต่ได้มาร่วมงานเลี้ยงน่ารัก ๆ ด้วย

กินอาหารว่าง พร้อมกับชมนิทรรศการภาพถ่าย Astana-The capital of the great steppe ฉันอยากไปคาซัคสถานอยู่แล้ว เลยถูกใจมาก







กล่องของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยขนมหวานของคาซัคสถาน

มาสำรวจอาหารในงานกันค่ะ







นอกจากอาหารว่างแล้วก็มีเครื่องดื่มดับกระหายด้วยนะคะ หน้าตาน่าลองทั้งนั้นเลย

จบการดูหนังคาซักสถานครั้งแรกนี้แบบสุดแสนประทับใจ
ขอจบการรีวิวเมื่อฉันไปดูหนังคาซัคสถานไว้เพียงเท่านี้ พบกันใหม่ใน ตะลอนดู ครั้งหน้าเร็ว ๆ นี้ค่ะ




ความคิดเห็นต่อบทความ
ความเห็นบน MagGang(0)
ความเห็นบน Facebook()